Contact Us:

670 Lafayette Ave, Brooklyn,
NY 11216

+1 800 966 4564
+1 800 9667 4558

      Gartner, Inc  ผู้เป็นทั้งบริษัทที่ปรึกษาและวิจัยด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลก  ตั้งอยู่ในเมือง Stamford , Connecticut ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปิดแถลงข่าวในงาน “Industry Trends at Gartner IT Symposium/Xpo 2022” วันที่ 17-22 ตุลาคม พ.ศ. 2565  ได้ประกาศแนวโน้มของเทคโนโลยีใหม่ชั้นนำสำหรับองค์การในปี 2566  ว่า  ในการที่องค์การต่างๆ จะพยายามรักษาความสามารถในการแข่งขันและฐานะทางการเงินของค์การท่ามกลางสถานการณ์ความผันผวนเช่นนี้ว่า  ผู้บริหารองค์การจะต้องมองไกลไปยิ่งการเรื่องการลดค่าใช้จ่าย  ซึ่งหมายถึงการจะต้องทำให้องค์การมีระบบการบริหารที่เป็นเลิศ และมุ่งไปสู่การเปลี่ยนแปลงองค์การไปสู่องค์การดิจิทัล

      โดยได้กล่าวว่าการปรับองค์การจะต้องยึดหลัก  3 ประการคือ Optimize Scale และ Pioneer

  • การเพิ่มประสิทธิภาพ (Optimizer)
  • การปรับขนาดใหญ่ขึ้นได้ (Scale)
  • จะต้องเป็นผู้บุกเบิก  (Pioneer)

ซึ่งนวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆ จะสามารถช่วยองค์กรปรับความยืดหยุ่น ของการดำเนินงาน สร้างความไว้วางใจ ปรับการบริการได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน และเป็นผู้บุกเบิกด้วยรูปแบบใหม่ของ  ที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วม การตอบสนองที่รวดเร็ว หรือ โอกาส  การพึงพาเพียงเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวจะไม่เป็นการเพียงพออีกต่อไป  แต่องค์การจะต้องคำนึงถึงผลกระทบจากความคาดหวังและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งแปลความได้ว่า  จะเป็นความรับผิดชอบร่วมกันในการใช้เทคโนโลยีที่ยั่งยืนและการลงทุนด้านเทคโนโลยีทุกครั้งจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงคนรุ่นต่อไปในอนาคต และจะเป็น “ความยั่งยืน” ไปโดยปริยาย

Gartner ได้บ่งชี้แนวโน้มแนวคิดเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ชั้นนำสำหรับปี 2566  ว่าจะประกอบด้วย

ความยั่งยืน  (Sustainability)

ความยั่งยืนก้าวข้ามแนวโน้มเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ทั้งหมดสำหรับปี 2023 ในการสำรวจของ Gartner เมื่อเร็วๆ นี้ ซีอีโอรายงานว่าการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมขณะนี้มีความสำคัญสูงสุดสามอันดับแรกสำหรับนักลงทุน รองจากผลกำไรและรายได้ ซึ่งหมายความว่าผู้บริหารต้องลงทุนมากขึ้นในโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของ ESG เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ในการทำเช่นนี้ องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องมีกรอบงานเทคโนโลยีที่ยั่งยืนใหม่ที่เพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและวัสดุของบริการด้านไอที ช่วยให้องค์กรมีความยั่งยืนผ่านเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับ การวิเคราะห์ พลังงานหมุนเวียน และ AI และปรับใช้โซลูชันด้านไอทีเพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของตนเอง

ความเป็นผู้บุกเบิก (Pioneer)

Metaverse

Gartner ให้คำจำกัดความ metaverse ว่าเป็นพื้นที่ที่ใช้ร่วมกันแบบ 3 มิติเสมือนจริง ซึ่งสร้างขึ้นโดยการบรรจบกันของความเป็นจริงทางกายภาพและดิจิทัลที่ได้รับการปรับปรุงอย่างแท้จริง metaverse เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมอบประสบการณ์ที่สมจริงยิ่งขึ้น Gartner คาดว่า metaverse ที่สมบูรณ์จะไม่ขึ้นกับอุปกรณ์และจะไม่มีผู้จำหน่ายรายเดียวเป็นเจ้าของ มันจะมีระบบเศรษฐกิจเสมือนของตัวเอง เปิดใช้งานโดยสกุลเงินดิจิทัลและโทเคนที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ (NFTs) ภายในปี 2570  Gartner คาดการณ์ว่ามากกว่า 40% ขององค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลกจะใช้การผสมผสานระหว่าง Web3, AR cloud และ digital twins ในโครงการที่ใช้ metaverse โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้

SuperApp

ซูเปอร์แอพ หมายถึงแอพพลิเคชั่น  ที่รวมคุณสมบัติของแอพ แพลตฟอร์ม และระบบนิเวศในแอปพลิเคชันเดียว มันไม่เพียงแต่มีชุดฟังก์ชันของตัวเองเท่านั้น แต่ยังจัดเตรียมแพลตฟอร์มสำหรับบุคคลที่สามเพื่อพัฒนาและเผยแพร่มินิแอพของตนเอง ภายในปี 2570   Gartner คาดการณ์ว่ามากกว่า 50% ของประชากรโลกจะเป็นผู้ใช้ SuperApp หลายตัวในแต่ละวัน  และแม้ว่าตัวอย่างส่วนใหญ่ของ SuperApp จะเป็นแอพมือถือ แต่แนวคิดนี้ยังสามารถนำไปใช้กับแอปพลิเคชันไคลเอนต์เดสก์ท็อป เช่น Microsoft Teams และ Slack ด้วยกุญแจสำคัญคือ SuperApp สามารถรวมและแทนที่แอพหลายตัวสำหรับการใช้งานของลูกค้าหรือพนักงาน

Adaptive AI หรือ AI ปรับตัวได้

ระบบ AI ที่ปรับตัวเองได้  คือระบบ AI  มีความสามารถที่จะ “สอนโมเดลใหม่” ได้อย่างต่อเนื่องและเรียนรู้ได้ภายในขณะที่กำลังทำงานอยู่ (Runtime) ภายในสภาพแวดล้อมการพัฒนาโดยอิงจากข้อมูลใหม่เพื่อปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสถานการณ์จริงที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้หรือพร้อมใช้งานในระหว่างการพัฒนาครั้งแรก  ซึ่งจะทำให้ระบบมีการป้อนกลับการเรียนรู้แบบไดนามิกและปรับเป้าหมายแบบต่อเนื่องตลอดเวลา  สิ่งนี้จะมีความเหมาะสำหรับการดำเนินงานที่การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากสภาพแวดล้อมภายนอกหรือการเปลี่ยนแปลงเป้าหมายขององค์กรที่ต้องการการตอบสนองที่เหมาะสมที่สุด

ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพ (Optimize)

ระบบภูมิคุ้มกันดิจิตอล Digital Immune System

Gartner กล่าว่า  76% ของทีมที่รับผิดชอบด้านผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างรายได้ อย่างเช่น กรรมการบริหาร  จะต้องมองหาแนวทางปฏิบัติการและแนวทางใหม่ๆ ให้กับองค์การ  เพื่อให้สามารถส่งมอบมูลค่าทางธุรกิจที่สูงนั้นมาพร้อมกับการลดความเสี่ยงและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า  ระบบภูมิคุ้มกันแบบดิจิทัลที่ดีจะทำให้องค์การมีความปลอดภัยในสภาวะแวดล้อมใหม่   ภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลจะเป็นการผสมผสานข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในการดำเนินงาน การทดสอบอัตโนมัติและการแก้ปัญหาอัตโนมัติอย่างเต็มที่  วิศวกรรมซอฟต์แวร์ที่ดำเนินงานด้านไอที  จะต้องมุ่งเน้นการรักษาความปลอดภัยในห่วงโซ่อุปทานของแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความเสถียรของระบบ Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2568 องค์กรที่ลงทุนในการสร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลจะลดการหยุดทำงานของระบบได้มากถึง 80% และนั่นจะแปรเปลี่ยนโดยตรงไปสู่รายได้ที่สูงขึ้น

การประยุกต์ใช้ข้อมูล (Applied Observability)

ข้อมูลที่สังเกตได้สะท้อนถึงสิ่งประดิษฐ์ดิจิทัล เช่น บันทึก การติดตาม การเรียก API เวลาพัก การดาวน์โหลดและการถ่ายโอนไฟล์ ที่ปรากฏขึ้นเมื่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียดำเนินการใดๆ ความสามารถในการสังเกตที่ประยุกต์ใช้ดึงสิ่งประดิษฐ์ที่สังเกตได้เหล่านี้กลับมาในระดับสูง   การประยุกต์ การวิเคราะห์ใช้สาระสำคัญของข้อมูล  จะช่วยให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลของตนเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน 

การจัดการความเสี่ยงและความปลอดภัย AI  (AI Trust, Risk and Security Management)

ในสภาวะที่หลายๆ องค์กรยังไม่พร้อมในการจัดการความเสี่ยงด้าน AI  จากการสำรวจของ Gartner พบว่า 41% ขององค์กรประสบปัญหาจากการละเมิดความเป็นส่วนตัวของ AI เอง  หรือเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การสำรวจเดียวกันนั้นพบว่าองค์กรที่จัดการความเสี่ยง ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยของ AI อย่างแข็งขัน จะได้รับผลลัพธ์ของโครงการ AI ที่ดีขึ้น  และโครงการ AI  เหล่านั้นจะย้ายจากสถานะการพิสูจน์แนวคิดไปสู่การผลิตและบรรลุมูลค่าทางธุรกิจมากกว่าโครงการ AI ในองค์กรที่ไม่ได้จัดการฟังก์ชันเหล่านี้อย่างจริงจัง

การขยายองค์การให้เติบโตขึ้น  (Scale)

แพลตฟอร์มคลาวด์อุตสาหกรรม (Industry Cloud Platform)

อุตสาหกรรมแพลตฟอร์มบนระบบคลาวด์  เป็นการนำเสนอเทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่าง SaaS, แพลตฟอร์มเป็นบริการ (PaaS) และโครงสร้างพื้นฐานเป็นบริการ (IaaS) ที่ให้ชุดความสามารถแบบแยกส่วนเฉพาะอุตสาหกรรมเพื่อรองรับกรณีการใช้งานธุรกิจอุตสาหกรรมเฉพาะ องค์กรต่างๆ สามารถใช้ความสามารถที่มีอยู่ในแพลตฟอร์มเพื่อการสร้างความคิดริเริ่มทางธุรกิจดิจิทัลที่มีเอกลักษณ์และแตกต่าง  ให้มีความคล่องตัว  และลดเวลาในการออกสู่ตลาด  ภายในปี 2570 Gartner คาดการณ์ว่าองค์กรมากกว่า 50% จะใช้แพลตฟอร์มในระบบคลาวด์เพื่อเร่งรัดการเติบโตของธุรกิจ

วิศวกรรมแพลตฟอร์ม (Platform Engineering)

การออกแบบและวิศวกรรมของแพลตฟอร์มจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างและดำเนินการแพลตฟอร์มในรูปแบบการบริการเพื่อการส่งมอบซอฟต์แวร์และการจัดการวงจรชีวิตของซอฟต์แวร์ เป้าหมายของวิศวกรรมแพลตฟอร์มคือการเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ของนักพัฒนาและความเร็วในการส่งมอบคุณค่าของผลิตภัณฑ์ต่อลูกค้า  Gartner คาดการณ์ว่า 80% ขององค์กรวิศวกรรมซอฟต์แวร์จะจัดตั้งทีมแพลตฟอร์มภายในปี 2569 และ 75% จะรวมตัวกันเป็นแหล่งที่ให้บริการตนเองสำหรับนักพัฒนา

คุณค่าของระบบสื่อสารแบบไร้สาย (Wireless Value Realization)

เพราะเหตุผลที่ว่าจะไม่มีเทคโนโลยีกรสื่อสารใดจะเป็นผู้นำเพียงลำพัง  แต่องค์กรต่างๆ จะใช้โซลูชันแบบไร้สายที่หลากหลายเพื่อรองรับทุกสภาพแวดล้อม ตั้งแต่ Wi-Fi ในสำนักงาน ผ่านบริการสำหรับอุปกรณ์พกพา ไปจนถึงบริการที่ใช้พลังงานต่ำ และแม้กระทั่งการเชื่อมต่อวิทยุ Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2568   60% ขององค์กรจะใช้เทคโนโลยีไร้สาย 5 อย่างขึ้นไปพร้อมๆ กัน  

ที่มา : https://www.gartner.com/en/newsroom/press-releases/2022-10-17-gartner-identifies-the-top-10-strategic-technology-trends-for-2023